Date: February 22, 2017
Author: Grip Thailand
ในช่วงเวลานี้ที่ข้าวของทุกอย่างแพงไปหมด ตั้งแต่ข้าวแกงยันอาหารตามสั่ง รวมทั้งราคาน้ำมันที่ไม่มีวี่แววว่าจะลดลง ทำให้ทางค่ายรถยนต์ต่างๆ หันออกมาผลิตรถยนต์ประหยัดน้ำมันกันอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามถึงจะขับรถประหยัดน้ำมันกัน แต่ถ้าหากไม่รู้วิธีขับรถยนต์ที่ถูกต้องก็จะสิ้นเปลืองค่าน้ำมันเชื้อเพลิงเทียบเท่ากับรถธรรมดาทั่วไปได้เหมือนกันค่ะ ซึ่งการขับรถที่ดี นอกจากมีสติและถูกกฎจราจรแล้ว ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ ยังต้องรู้จักวิธีขับรถยนต์ให้ประหยัดน้ำมัน เพราะนั่นหมายถึงการเซฟเงินในกระเป๋าได้แบบสุด ๆ ซึ่งวิธีที่เรานำมาฝาก รับรองว่าไม่ยากเกินกว่าที่จะทำตามกันได้แน่นอนคะและตอนนี้เรามาดูหลักการขับรถให้ประหยัดน้ำมันกันดีกว่าค่ะ
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันในการขับรถยนต์ที่ความเร็วต่างๆ กัน เปรียบเทียบได้ดังนี้
– ความเร็ว 95 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 80 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 15%
– ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 80 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 29%
– ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 90 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 10%
– ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 90 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 25%
ตัวอย่างเช่น การวิ่งรถในยานชานเมืองที่ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าเป็นจุดที่ให้ความประหยัดมาก และควรเลี่ยงการเดินทางในช่วงเวลาฝนตก ซึ่งเราก็ทราบกันอยู่แล้วว่า หากฝนตกเมื่อไรการจราจรติดเมื่อนั้น เพราะธุรกิจบางอย่างสามารถติดต่อทางโทรศัพท์ อีเมล์ หรือวิธีอื่น ๆ ได้ โดยไม่จำเป็นต้องขับรถให้เปลืองน้ำมันด้วยค่ะ
5. ลดการใช้แอร์รถในช่วงเช้า หรือช่วงที่มีอากาศเย็น หากคุณปิดแอร์รถเป็นเวลา 30 นาที ก็สามารถจะประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 10-15 % เลยทีเดียวค่ะ
6. ควรมีการวางแผนเดินทางที่ดี หลีกเลี่ยงเส้นทาง ที่มีการจราจรติดขัด,ไม่ขับรถอ้อมจนเกินไป ไม่หลงทาง และไม่ขับเลยจากจุดหมายปลายทาง เท่านี้ก็ลดการสูญเสียน้ำมนโดยเปล่าประโยชน์ไปได้ มากแล้วค่ะ
7. ตรวจเช็คความดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ ยางที่มีลมอ่อน เกินไปจะทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้น และยางมีอายุการใช้งานสั้น ในขณะเดียวกันหากลมยางแข็งเกินไป รถอาจเกาะถนนไม่ดี และยางก็มีอายุการใช้งานสั้นเช่นกัน ดังนั้นควรให้ความสำคัญของยางเป็นอย่างมากนะค่ะจะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากเลยค่ะ
8. ตรวจเช็คเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ เช่น ปริมาณน้ำยาทำความเย็น ความสกปรกของคอยล์ร้อนคอยล์เย็น และไส้กรอง ฯลฯ เพื่อให้ระบบทำงานมี ประสิทธิภาพพร้อมทั้งปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะ เพราะถ้าปรับอุณหภูมิต่ำเกินไปคอมเพรสเซอร์ก็จะทำงานหนัก มากขึ้น เป็นภาระให้เครื่องยนต์มากขึ้น ส่งผลให้อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงก็มากขึ้นไปด้วยค่ะ
9. ดูแลรักษาเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ
ด้วยการตรวจเช็ค และเปลี่ยนอะไหล่ตามที่ผู้ผลิตกำหนด ความบกพร่องของเครื่องยนต์ นอกจากจะเป็นผลให้เครื่องยนต์มีอายุ การใช้งานสั้นลงแล้ว ก็อาจจะเป็นผลให้เครื่องยนต์กินน้ำมันมากขึ้นด้วย อาทิเช่น
– ไส้กรองอากาศตัน เพราะทำให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ไม่มีประสิทธิภาพ
– น้ำมันหล่อลื่นเก่า ขาดคุณสมบัติการหล่อลื่น ฯลฯ
– ระบบระบายความร้อนบกพร่อง ทำให้เครื่องยนต์ไม่ได้ทำงานที่อุณหภูมิที่ผู้ผลิตออกแบบไว้
– หัวเทียนเสื่อมสภาพ ทำให้เชื้อเพลิงถูกเผาไหม้ไม่สมบูรณ์
– รอบเครื่องยนต์เดินเบาสูงกว่าที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ทำให้ เครื่องยนต์ทำงานมากขึ้นโดยไม่จำเป็น
– ปรับตั้งการจุดระเบิดไม่ถูกต้อง ซึ่งจะทำให้การเผาไหม้ ของเชื้อเพลิงไม่มีประสิทธิภาพ เป็นต้น ฯลฯ
10. บรรทุกสัมภาระเท่าที่จำเป็น เพราะน้ำหนักรถมีผล ต่อการกินน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยค่ะ ถ้าบรรทุกมากๆเกินความจำเป็นก็จะทำให้สิ้นเปลืองการใช้พลังงานเชื้อเพลิงของรถด้วยค่ะ
11.ควรดับเครื่องยนต์ขณะจอดรถคอย เพราะการติดเครื่องยนต์จอดรถเป็นเวลา 5 นาที จะสิ้นเปลืองน้ำมัน 100 ซีซี. และถ้าติดเครื่องยนต์จอดรอนานกว่านั้นก็จะยิ่งสิ้นเปลืองน้ำมันยิ่งขึ้นอีกค่ะ
12. ยังคงมีปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งมีผลต่อการกินน้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์ แต่เท่าที่ได้กล่าวก็ถือเป็นเรื่องหลักๆ ที่ทำได้โดยไม่ยากเย็นเลยนะค่ะ เพื่อที่จะช่วยในเรื่องการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงแถมยังช่วยในเรื่องการถนอมรถของเราให้มีอายุกานใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้นด้วยค่ะ อีกทั้งยังเหลือเงินของเรานำไปทำอย่างอื่นได้อย่างสบายใจและเหลือเงินออมเข้ากระเป๋าอีกเยอะเลยค่ะ ได้ทั้งความปลอดภัยและได้ทั้งเงินขนาดนี้ใครๆก็ชอบค่ะ
สุดท้ายนี้ เทคนิคการขับรถยนต์ให้ประหยัดน้ำมัน อยู่ที่ความคิดหรือทัศนคติของเราด้วยค่ะ คิดไว้เสมอว่าอย่าขับรถเร็วและอย่าเหยียบเบรกบ่อยๆ พร้อมทั้งวางแผนก่อนออกเดินทางทุกครั้ง และใช้เทคนิคอื่นๆที่ได้แนะมามาข้างต้นรวมกัน ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยทำให้ผู้อ่านประหยัดเงินในกระเป๋าได้แน่นอนค่ะ