Date: February 25, 2016
Author: Grip Thailand
ยางเก่าเก็บยังใช้งานได้ดี และมีประสิทธิภาพเหมือนยางใหม่ได้ยังไง ?
จากการศึกษาและวิจัยจากหน่วยงานภาครัฐบาล และบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศพบว่า วันผลิตของยางไม่ได้มีผลกับสมรรถภาพของยางอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะปกติยางที่ผลิตออกมานั้น เมื่อมีการจัดเก็บที่ดีพอ เช่น การเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสม จะสามารถเก็บยางเส้นนั้นๆ ได้เป็นเวลาหลายปี โดยไม่เสื่อมสภาพ
กระทรวงคมนาคมของสหรัฐอเมริกา เคยพิมพ์บทความเกี่ยวกับ “ประสิทธิภาพของยางรถยนต์ที่มีการเติมลมแล้ว (The Pneumatic Tier)” โดยระบุว่า ความร้อนที่เกิดขึ้นขณะยางกำลังใช้งาน เป็นปัจจัยสำคัญซึ่งทำให้ยางเสื่อมสภาพ รถยนต์วิ่งด้วยความเร็ว 120 กม./ชม. สามารถทำให้หน้ายางมีอุณหภูมิสูงถึง 75 องศาเซลเซียส และถ้าแรงดันลมยางน้อยกว่าปกติ ก็จะยิ่งทำให้หน้ายางมีความร้อนสูงขึ้นไปอีก
ดังนั้นอุณหภูมิในโกดังที่จัดเก็บยางรถยนต์ก่อนการใช้งานจริง จะมีผลต่อคุณภาพของเนื้อยางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับความร้อนที่เกิดจากแรงเสียดสีกับพื้นในการขับขี่ เพราะโดยทั่วไปยางที่ยังไม่ได้ใช้งาน สามารถเก็บได้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปีก่อนการใช้งานจริง โดยขึ้นอยู่กับการเก็บรักษาจากคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต
องค์กร ADAC ซึ่งเป็นหน่วยงานเพื่อผู้ขับรถยนต์ซึ่งใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี ได้ทดสอบประสิทธิภาพยางรถยนต์ที่ผลิตห่างกัน 3 ปี สำหรับการขับรถยนต์ในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อน ซึ่งผลการทดสอบก็พบว่าไม่มีนัยสำคัญว่า ยางที่ผลิตใหม่ออกมาหมาดๆ จะมีสมรรถนะเหนือกว่ายางที่ผลิตมานานกว่า
อีกตัวอย่างได้จากการทดสอบในประเทศเกาหลีใต้ จัดการทดสอบเพื่อพิสูจน์ระดับความปลอดภัยระหว่างยางใหม่และยางเก่าเก็บ ที่ผลิตย้อนหลังไป 3 ปี ด้วยการทดสอบแบบ KSM6750 เกี่ยวกับการขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูงและการขับแบบหยุดเป็นระยะ ได้ผลว่า แม้ยางผลิตในวันที่จะแตกต่างกันถึง 3 ปี แต่ประสิทธิภาพและสมรรถนะของยางเหมือนกันทุกประการ
ส่วนบ้านเรา เร็วๆ นี้ กรมการค้าภายในได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ค้ายางรถยนต์ พร้อมได้การสนับสนุนผู้ผลิตยางบางยี่ห้อ จัดทดสอบคุณภาพยางระหว่างที่ผลิตไม่เกิน 6 เดือนเปรียบเทียบกับยางเก่าเก็บที่ผลิตมาแล้ว 24 เดือน (2 ปี) เพื่อคลายความสงสัยและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ผู้บริโภค ในการเลือกซื้อยางรถยนต์ให้เหมาะสม
การทดสอบทำภายใต้เงื่อนไขของสถาบันยานยนต์ ใช้ มอก. เป็นมาตรฐานในการทดสอบ พร้อมใช้ค่าทดสอบสูงเกินกว่าพฤติกรรมการใช้งานจริงของคนทั่วไป และสูงกว่ามาตรฐาน มอก. ที่กำหนดไว้อีกต่างหาก ในการทดสอบควบคุมตัวแปรทุกอย่างเหมือนกัน ต่างแค่วันผลิตของยางเท่านั้น โดยทดสอบประสิทธิภาพการใช้น้ำหนักบรรทุก และทดสอบวิ่งด้วยความเร็ว 120 กม./ชม.ต่อเนื่องมากกว่า 10 ชั่วโมง
ผลทดสอบที่ได้คือ ยางที่ผลิตต่างช่วงเวลากัน มีแค่วันผลิตที่ต่างกัน…แต่ให้ประสิทธิภาพเท่ากัน !
นอกจากนี้ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ TUV Rheinland Group Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทรับทำหน้าที่ทดสอบและให้การรับรองคุณภาพแก่ผลิตภัณฑ์หรือสินค้าของบริษัทชั้นนำทั่วโลก ทดสอบเพื่อหาข้อพิสูจน์ว่าในสภาพแวดล้อมของประเทศไทย สมรรถนะของยางที่ผลิตใหม่กับยางที่ผลิตมานานกว่า จะมีความแตกต่างกันในด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยหรือไม่ โดยนำยางรถยนต์ที่มีวันผลิตต่างกัน 1 ปี ไปทดสอบในรถยนต์ที่ใช้ความเร็วสูงที่ 230 กม./ชม. ในเวลาที่ต่อเนื่องนาน 60 นาที ผลจากการทดสอบพบว่า มีประสิทธิภาพแตกต่างกันไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งมีความสามารถในการบรรทุกหนักและวิ่งเป็นระยะทางไกล ตลอดจนความแข็งแรงของหน้ายางและโครงสร้างยางไม่แตกต่างกัน ทั้งที่วันผลิตยางนั้นห่างกันถึง 1 ปี
ยิ่งกว่านั้น TUV Rheinland Group Ltd. ได้ทำการทดสอบว่าวันผลิตยางที่แตกต่างกัน จะมีผลต่อสมรรถนะในด้านการเกาะถนน, การควบคุมการขับขี่และการเบรกของยางหรือไม่ โดยทดสอบระยะการเบรกที่ความเร็ว 80 กม./ชม.จนกระทั่งหยุดนิ่ง ผลการทดสอบยางที่มีวันผลิตแตกต่างกัน แต่ประสิทธิภาพทั้ง 3 ด้านก็แทบจะไม่แตกต่างกัน
ฉะนั้น จากผลการวิจัยจากหน่วยงานต่างๆ นิตโตะซัง จึงพอสรุปตรงนี้ได้ว่า ยางรถยนต์ที่ผลิตห่างกัน 2- 3 ปีจะให้สมรรถนะและประสิทธิภาพในการขับรถยนต์ในระดับที่ไม่แตกต่างกัน หรือต่างกันน้อยมากจนไม่มีนัยสำคัญ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการเก็บรักษายางในร้านด้วยว่า มีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม รวมทั้งไม่ให้โดนแดด เพราะอาจทำให้หน้ายางมีความยืดหยุ่นน้อยลงและแข็งขึ้น ดังนั้นการเลือกซื้อยางในร้านที่เชื่อถือได้ จึงมีความสำคัญ แทนที่จะคำนึงเรื่องวันเดือนปีที่ผลิตเป็นหลัก…
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณซื้อยาง NITTO ปีไหนๆ ก็มั่นใจได้ว่าคุณจะได้ยางที่มีคุณภาพเหมือนยางปีใหม่ และให้การรับประกันคุณภาพตลอดอายุการใช้งาน 100% อยู่แล้ว