Date: February 25, 2016
Author: Grip Thailand
เมื่อเริ่มเข้าหน้าฝน หลายคนที่เคยเกิดอุบัติเหตุจากถนนลื่น หรือเคยพบปัญหาระหว่างลุยน้ำท่วมขัง คงเริ่มหวั่นๆ ว่าจะต้องเตรียมรถอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหา ส่วนคนที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์
นิตโตะซัง จะทยอยนำเอาเคล็ดวิชา “เตรียมรถสู้ฝน” มาถ่ายทอดให้กับพวกเราในช่วงฤดูฝนนี้ครับ
ยางรถยนต์
หลายคนเข้าใจว่าร่องของดอกยางมีไว้กันลื่น แต่ไม่ใช่ เพราะจริงๆ มันมีหน้าที่เดียว คือ ช่วย “รีดน้ำ” ให้ออกไปจากหน้ายาง การที่ล้อของรถเราสามารถส่งแรงขับเคลื่อน และแรงเบรกลงสู่ผิวถนนได้ ต้องอาศัยแรงเสียดทานจากการกดสัมผัสกันระหว่าง 2 ตัวแปรนี้ ฉะนั้นเมื่อไหร่ที่มีน้ำมาคั่นกลาง ระหว่างพื้นผิวทั้ง 2 รถของเราก็จะไถลไปบนผิวน้ำ เรียกว่า การ “เหินน้ำ” หรือ ไฮดรอแพลนนิง (HYDROPLANING)
ตอนนี้มีคำแนะนำที่ระบาดไปทั่ว คือ “ไม่ควรใช้ยางเกิน 2 ปี” สรุปอย่างนั้นไม่ถูกต้องครับ เพราะที่ จริงยางไม่มีอายุตายตัวหรอก แต่สิ่งที่จะกำหนดว่าควรหรือไม่ควรใช้ยางเส้นนั้นต่อไปมีอยู่ 3 หัวข้อ คือ ความลึกของดอกยาง การชำรุดที่ส่งผลถึงโครงสร้างยาง และอายุที่ไม่ควรเกิน 6 ปีตั้งแต่ผลิตมา เพราะเนื้อยางจะแข็ง เกาะถนนเปียกได้ไม่ดีเท่าที่ควร ถ้ายางของคุณไม่เข้าข่าย 3 หัวข้อนี้ ก็ไม่ ต้องรีบเปลี่ยนใหม่ให้เสียเงินเปล่า …แต่ถ้าเงินเหลือเยอะก็อีกเรื่อง
การตรวจสอบลมยาง คือ สิ่งที่ควรทำเป็นประจำ แม้ไม่ใช่ฤดูฝน การวัดระดับและเติมลมยางตาม ที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์กำหนด ก็ควรทำอย่างสม่ำเสมอ และทำขณะที่ยางเย็น หรือจอดรถไว้นานแล้ว เนื่องจากจะวัดค่าได้ถูกต้องแม่นยำ แต่ถ้าจำเป็นต้องเติมขณะยางร้อนเนื่องจากเพิ่งขับรถมาจอด (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนั้น) ให้เติมเผื่อราว 2 ปอนด์/ตรน.จากค่าที่กำหนด หรือจะใช้วิธีเติม มากกว่านั้นเล็กน้อย แล้วค่อยมาวัดและปล่อยลมออกให้พอดีตอนที่ยางเย็นแล้ว และหาก เลี่ยงการขับรถเร็วตอนฝนตกไม่ได้จริงๆ อาจต้องเติมลมเพิ่มอีก 2-4 ปอนด์ เพื่อให้ความดันลมยาง ช่วยเพิ่มแรงกดของหน้ายาง สามารถรีดน้ำได้ดีขึ้น