Date: February 25, 2016
Author: Grip Thailand
สรุปแบบตายตัวเลยก็ได้ครับว่า ขับรถให้ประหยัดที่สุดไม่ใช่เอาความเร็วมากำหนด แต่ต้องใช้เกียร์สูงสุด ซึ่งหลายๆ รุ่นก็ยังขับที่ความเร็วแถวๆ 40 กม./ชม. ได้ แต่ที่ไม่ประหยัดที่สุด เพราะเทคนิคเครื่องยนต์ครับ จังหวะเปิด/ปิดลิ้นหรือวาล์วทั้งไอดีและไอเสียถูกเลือกมาให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีที่ความเร็ว (ของเครื่องยนต์) ปานกลาง และสูง ถ้าหมุนช้า ประสิทธิภาพของมันจะลดลง นั่นคือใช้เชื้อเพลิงมากเมื่อเทียบกับกำลังที่มันให้
ด้วยเหตุผลนี้มาผสานกับแรงต้านอากาศที่เพิ่มตามความเร็ว ทำให้รถส่วนใหญ่ มีความเร็วในเกียร์สูงสุด และใช้เชื้อเพลิงน้อยที่สุด อยู่ที่ประมาณ 50-60 กม./ชม.
รถเครื่องใหญ่หรือกำลังสูง จะมีค่านี้ “เคลื่อน” ไปทางด้านบนเล็กน้อย เพราะอัตราทดรวม (ของเกียร์สุดท้ายและเฟืองท้าย) ต่ำกว่า แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรครับ ก็ยังคงอยู่ ก็ยังคงอยู่แถวๆ ประมาณ 60 กม./ชม. เท่านั้น แล้วถ้าเน้นการประหยัดเชื้อเพลิง เราควรขับที่ความเร็วที่ว่านี้หรือไม่ ? ตอบว่าใช่ก็ได้ ตอบว่าไม่จำเป็น ก็ถูกอีกเหมือนกัน ถ้าเรามีกราฟความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงระหว่าง 60-80 กม./ชม. ต่างกันไม่มาก ผิดกับค่าระหว่าง 120-140 กม./ชม.
เอางี้ครับ คำตอบสำหรับภาคปฏิบัติก็คือ ถ้าเวลาที่ใช้เดินทางไม่มีความหมาย เช่นว่างงานอยู่ หรือเป็นวันหยุด แล้วต้องการประหยัดจริงๆ ก็ 55-60 นี่แหละครับ แต่ถ้าเน้นเวลาที่ใช้เดินทางอยู่บ้าง แล้วยังอยากประหยัด ก็ประมาณ 80 ครับ เปลืองเชื้อเพลิงขึ้นอีกนิดเดียว ถ้าเวลาเป็นเรื่องสำคัญ ก็เพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก (พร้อมกับเงินค่าน้ำมันด้วย) อย่าให้เกิน 120 แหละครับดี
สิ่งที่ นิตโตะซัง อยากจะเน้นก็คือ ที่จริงแล้วเราไม่ได้ขาดแคลนเวลาจนถึงขั้นวิกฤตจนต้องขับ 160-200 หรอก ครับ ส่วนใหญ่หรือทั้งหมดก็ว่าได้ เป็นเพราะเราประมาทชะล่าใจ ถือว่าทำความเร็วชดเชยกับเวลาที่ สูญไปกับการเถลไถลได้เท่านั้นเอง ถ้าตั้งใจจริงและมีความรับผิดชอบ เกรงใจผู้อื่น ไปทันนัดได้เสมอ โดยไม่ต้องขับเร็วถึงขั้นอันตราย จริงไหมล่ะครับ